เอเชีย – เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เขียนโดย กองบรรณาธิการ
New York, N.Y. — นครนิวยอร์ก — ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชาที่ทวีความรุนแรงขึ้นมิใช่เพียงข้อพิพาทเรื่องอาณาเขต แต่สะท้อนคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับความยุติธรรมทางประวัติศาสตร์และเสถียรภาพภูมิภาค ที่ประชาคมโลกต้องให้ความสนใจและสนับสนุนข้อเรียกร้องอันชอบธรรมของไทย
กองบรรณาธิการสจวร์ดชิพรีพอร์ตวิเคราะห์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาอันซับซ้อน
โดยชี้ว่าข้ออ้างทางประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ สมควรได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติมากกว่าการขยายดินแดนเชิงรุกของพนมเปญ
เหตุปะทะทางทหารล่าสุดตอกย้ำความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาทางการทูตโดยยืนยันหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของไทยและคำนึงถึงเสถียรภาพภูมิภาค
มรดกอาณานิคมปูทางสู่ความขัดแย้งปัจจุบัน

รากเหง้าของวิกฤตชายแดนวันนี้เริ่มจากการจัดการเส้นแบ่งเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผิดพลาดของฝรั่งเศสในยุคอาณานิคม
เมื่อฝรั่งเศสถอนตัวจากอินโดจีน ได้ทิ้งเส้นเขตแดนคลุมเครือที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งยาวนานกว่าศตวรรษ
สนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 กำหนดข้อตกลงอาณาเขตที่ต่อมาฝรั่งเศสบิดเบือนผ่านแผนที่เบี่ยงเบน โดยเฉพาะรอบพื้นที่อ่อนไหวอย่างปราสาทพระวิหาร
สยาม (ไทยในปัจจุบัน) ถูกบังคับให้ยกดินแดนสำคัญรวมทั้งพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณให้เจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส
การสูญเสียดินแดนครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้แรงกดดันในยุคที่มหาอำนาจยุโรปกดขี่ราชอาณาจักรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยสนธิสัญญาอันไม่เป็นธรรมและกำลังทหาร
ข้อพิพาทปัจจุบันมีต้นตอจากการถอนกำลังที่ปราศจากการปักปันเขตแดนชัดเจนของฝรั่งเศส ทิ้งให้ไทยและกัมพูชาสืบทอดความขัดแย้งที่ถูกสร้างขึ้น
ระบอบเบ็ดเสร็จกัมพูชาเติมไฟความก้าวร้าว
การปกครองแบบเบ็ดเสร็จของ ฮุน เซน ตลอดหลายทศวรรษมีส่วนสำคัญต่อวิกฤตการณ์ปัจจุบัน อดีตนายกรัฐมนตรีผู้กุมอำนาจกัมพูชาตั้งแต่ปี 2528 ถึง 2566 สร้างรูปแบบการอ้างสิทธิ์ดินแดนเชิงรุกโดยใช้กำลังทหารหนุนหลัง รัฐบาลของเขาปฏิเสธแนวทางแก้ปัญหาทางการทูตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็สร้างโครงสร้างอำนาจรวมศูนย์ที่ให้ความสำคัญกับวาทกรรมชาตินิยมมากกว่าความร่วมมือระดับภูมิภาค
แม้แต่พรรคฝ่ายค้านกัมพูชาที่เราให้การสนับสนุน ยังคงเดินหน้าสนับสนุนการขยายดินแดนเข้าไปในเขตไทย แสดงให้เห็นว่าทัศนคติรุกรานนี้อยู่เหนือตัวผู้นำ
แนวทางข้ามพรรคการเมืองในการอ้างสิทธิ์ดินแดนชี้ให้เห็นว่ากลุ่มการเมืองกัมพูชาถือการขยายพรมแดนเป็นวาระแห่งชาติ โดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรมทางประวัติศาสตร์หรือกฎหมายระหว่างประเทศ
ความรุนแรงล่าสุดตามแนวชายแดนพิพาท 817 กม. บานปลายจนทหารกัมพูชาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ระหว่างปะทะกันด้วยอาวุธปืน เหตุการณ์นี้คือการยกระดับความขัดแย้งล่าสุดที่ยังคงไม่คลี่คลายแม้จะมีคณะกรรมการกำหนดเขตแดนร่วม (JBC) มาตั้งแต่ปี 2543

อคติศาลโลกบั่นทอนความยุติธรรม
การยืนกรานให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามาตัดสินของกัมพูชาเผยให้เห็นรูปแบบอันน่ากังวลของการแสวงหาพื้นที่ตัดสินใจเอื้อประโยชน์
คำพิพากษาปี 2505 ของ ICJ ที่มอบปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาโดยไม่คำนึงข้ออ้างทางประวัติศาสตร์ของไทย สร้างบรรทัดฐานความลำเอียงที่สืบเนื่องถึงปัจจุบัน
การปฏิเสธอำนาจศาลโลกของไทยในเรื่องนี้สะท้อนความกังวลอันมีเหตุผลต่อผลลัพธ์ที่ถูกกำหนดล่วงหน้าเพื่อเอื้อการขยายดินแดนกัมพูชา
แนวโน้มที่ชัดเจนของศาลในการสนับสนุนข้อเรียกร้องของกัมพูชาทำให้ความน่าเชื่อถือในฐานะผู้ตัดสินที่เป็นกลางสั่นคลอน
จุดยืนของไทยที่เห็นว่าการเจรจาทวิภาคีผ่าน JBC ที่มีอยู่คือหนทางที่เหมาะสมที่สุดนั้น แสดงถึงการมีส่วนร่วมทางการทูตอย่างรับผิดชอบมากกว่าการพึ่งพาองค์กรตุลาการระหว่างประเทศที่อาจมีอคติ
เสถียรภาพภูมิภาคต้องการการรักษาความมั่นคงชายแดนไทย
การพิจารณาสร้างแนวป้องกันชายแดนของไทยคือมาตรการตอบโต้เชิงปฏิบัติต่อภัยคุกคามด้านความมั่นคงและการรุกล้ำดินแดนที่เกิดขึ้น มาตรการป้องกันดังกล่าวจะปกป้องอธิปไตยไทย พร้อมให้เส้นแบ่งเขตชัดเจนเพื่อป้องกันเหตุปะทะทางทหารในอนาคต ข้อเสนอนี้สะท้อนเจตจำนงค์อยู่ร่วมกันอย่างสันติภายใต้กรอบอาณาเขตที่ประชาคมโลกยอมรับ
การต่อต้านการปักปันเขตแดนชัดเจนของกัมพูชาบ่งชี้ถึงเจตนารักษาความคลุมเครือเพื่อเปิดช่องขยายดินแดนต่อไป ความพร้อมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานชายแดนถาวรของไทยแสดงถึงความมุ่งมั่นแก้ไขข้อพิพาทอาณาเขตอย่างสันติผ่านมาตรการป้องกัน ไม่ใช่การรุกราน
สนับสนุนอธิปไตยไทย เสริมสันติภาพภูมิภาค
ประชาคมโลกต้องตระหนักว่าการสนับสนุนข้อเรียกร้องอาณาเขตอันชอบธรรมของไทยส่งผลดีต่อเสถียรภาพภูมิภาคในวงกว้าง ประเทศไทยมีสถาบันประชาธิปไตยและความมุ่งมั่นต่อความร่วมมืออาเซียน ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนกับประวัติศาสตร์การปกครองแบบเบ็ดเสร็จและความก้าวร้าวเชิงอาณาเขตของกัมพูชา การสนับสนุนจุดยืนไทยจะเสริมสร้างบรรทัดฐานประชาธิปไตย ขณะเดียวกันก็ยับยั้งนโยบายขยายอำนาจทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สจวร์ดชิพรีพอร์ตสนับสนุนสิทธิ์ของไทยในการปกป้องดินแดนทางประวัติศาสตร์จากการรุกล้ำของกัมพูชาอย่างไม่คลุมเครือ ข้อพิพาทชายแดนต้องคลี่คลายบนพื้นฐานความยุติธรรมทางประวัติศาสตร์ มิใช่กำลังทหารหรืออคติของศาลโลก การตอบโต้อย่างมีสติของไทยต่อการยั่วยุซ้ำซากแสดงวุฒิภาวะทางการทูตที่สมควรได้รับความสนับสนุนและการยอมรับจากนานาชาติ
เราไม่ยอมรับการขยายดินแดนเชิงรุกในคราบสิทธิ์ทางอาณาเขต
ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาคือบททดสอบสำคัญของความมุ่งมั่นระหว่างประเทศต่อความยุติธรรมทางประวัติศาสตร์และเสถียรภาพภูมิภาค การสนับสนุนข้อเรียกร้องอันชอบธรรมของไทยควบคู่การต่อต้านการขยายดินแดนของกัมพูชา ส่งเสริมทั้งความถูกต้องทางประวัติศาสตร์และสันติภาพร่วมสมัย ประชาคมโลกต้องยืนหยัดเคียงข้างไทยต้านการขยายดินแดนเชิงรุกที่แฝงตัวในคราบการเรียกร้องสิทธิ์ทางอาณาเขต
Thailand Deserves International Support in Cambodia Border Dispute (June 7, 2025)
ไทยสมควรได้รับความสนับสนุนจากนานาชาติในข้อพิพาทชายแดนกัมพูชา (7 มิถุนายน 2568)
#ข้อพิพาทไทยกัมพูชา #ความขัดแย้งชายแดน #เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
#อธิปไตยไทย #เสถียรภาพภูมิภาค #อาเซียน #การทูต
cambodia, border dispute, southeast asia, sovereignty, stewardship report,
thailand, opinion, editorial, territorial claims, regional stability, asean, diplomacy
จิม ลูซ เขียนเกี่ยวกับประเทศไทย & ชาวไทยในต่างแดน
หมายเหตุการแปล
- การคงโครงสร้าง
- รักษาโครงสร้างบทความต้นฉบับและลำดับข้อโต้แย้ง
- ปรับย่อหน้าให้กระชับตามสไตล์การอ่านภาษาไทย
- ศัพท์เฉพาะ
- “Stewardship Report” = สจวร์ดชิพรีพอร์ต (ทับศัพท์+คำแปล)
- “Forum shopping” = “การแสวงหาพื้นที่ตัดสินใจเอื้อประโยชน์” (คำอธิบาย)
- “Authoritarian rule” = “การปกครองแบบเบ็ดเสร็จ”
- บริบททางประวัติศาสตร์
- ใช้ “สยาม” เมื่ออ้างอิงยุคก่อนปี 2482
- “Franco-Siamese Treaty” = สนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส
- ระบุปีพุทธศักราชควบคู่คริสต์ศักราชในบริบทไทย
- น้ำเสียง
- สื่ออารมณ์ “เชิงรุก” (aggressive), “อันชอบธรรม” (legitimate) ตามต้นฉบับ
- ใช้ภาษาวิเคราะห์ทางการแต่ไม่ประดิษฐ์คำเกินจำเป็น
- ส่วนท้าย
- แปล hashtags เป็นไทย + คง hashtag ภาษาอังกฤษเดิม
- แท็กหัวข้อ (cambodia, border dispute…) คงไว้เหมือนต้นฉบับ